หน้าเว็บ

08 มิถุนายน 2554

** มุมมองชีวิตของเทพนิลกาล **

                   
                     ข้าพเจ้าก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป แต่แตกต่างจากคนอื่นๆ ตรงที่ข้าพเจ้า ชอบอยู่ในป่าหรือในถ่ำ เพราะข้าพเจ้าชอบหาความเงียบสงบ แต่ข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกนึกคิด และคิดถึงผู้อื่นเป็นเหมือนกัน แต่เป็นความนึกคิดในสิ่งที่ดีงาม บางครั้งข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกท้อแท้ เหนื่อยล้า และสิ้นหวัง เหมือนมนุษย์ปุสุชนคนธรรมดาทั่วๆไป แต่ในเมื่อข้าพเจ้าตั้งใจเดินมาทางนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังไปทำไม เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่เราจะรู้สึกท้อแท้ และเหนื่อยล้าไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ความสุขของข้าพเจ้าคือ การที่ได้กระทำแต่สิ่งที่ดีให้จิตใจของข้าพเจ้าไม่มัวหมอง ไปกับสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปมักจะมองข้ามอยู่เสมอๆ บางครั้งจิตใจคนเรานั้นยากนักจะหยั่งถึง แต่ความดีหรือกรรมดีถ้าเราทำแล้วก็จะเกิดผลดีกับตัวเราเอง



            ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ชีวิตของผู้อื่น หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ออกมาธุดงส์ ข้าพเจ้าได้มาสัมผัสกับชีวิตของผู้คนหลายเชื้อชาติหลายศาสนา ทุกศาสนาล้วนแต่สอนให้คนนั้นกระทำแต่ความดี แต่คนก็มีนานาจิตตัง หลายๆคนก็มักจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป บางครั้งข้าพเจ้าก็มีความคิดเห็นแตกต่าง จากผู้อื่นเป็นบางครั้ง แต่คนเรานั้น ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งหรอกที่เก่งอยู่คนเดียวและเก่งอยู่เสมอ ถ้าเราไม่เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่  สรุปว่าคนเรามีความคิดเห็นแตกต่างกันไปได้ แต่หารู้ไม่ว่าคนเราที่เกิดมาทุกคนนั้น ล้วนมี ความดีหรือกรรมดีติดตัวกันมาทุกคน แต่ความชั่วหรือกรรมชั่ว หรือบาปกรรมนั่นซิ เรามาสร้างขึ้นเพิ่มเติมกันในชาตินี้เสียมากกว่า
           ชีวิตทุกคนล้วนมีความสุขความเจริญกันทุกคน แต่ชีวิตของคนบางคนหาความสุขหาความเจริญ และหาทางออกของชีวิตไม่ได้เลย ข้าพเจ้าก็เคยเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้กล่าวมาในข้างต้นนี้ ชีวิตของข้าพเจ้าได้รู้จักคนมามากมายจนจำชื่อไม่ได้ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่าทุกคนที่เข้ามาหาข้าพเจ้า คนเหล่านั้น มีทั้งคนที่มีความสุข และคนที่มีความทุกข์ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งหรือดีกว่าคนทั่วๆไป แต่ข้าพเจ้าคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำนั้น ไม่เคยทำให้ผู้ใดเดือดร้อน
          ณ.ปัจุจบันวันนี้ ถ้าถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้ารู้สึกท้อแท้ เหนื่อยล้า และสิ้นหวังไหม ข้าพเจ้าก็จะตอบว่าเคยมีความรู้สึก เหนื่อยล้า ท้อแท้ และสิ้นหวัง ข้าพเจ้าเคยถามตัวเอง และเคยมานั่งคิดว่า ข้าพเจ้ามานั่งสวดมนต์เพื่ออะไร มานั่งสมาธิเพื่อให้เกิดอะไร แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้ามานั่งสวดมนต์เพื่ออะไร และมานั่งสมาธิเพื่ออะไร ข้าพเจ้าตอบตัวเองว่าข้าพเจ้ามีความสุขเวลาที่ได้สวดมนต์และนั่งสมาธิ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเบิกบานในจิตใจเวลาที่ข้าพเจ้าได้กระทำในสิ่งเหล่านี้ คำว่า "ความสุขขึ้นอยู่ในใจ"  และมันจะอุดมไปด้วยความคิดที่ดี ไม่มีโกรธ ไม่มีโลภ ไม่มีหลง ทุกลมหายใจเข้าออกก็ยังมีความสุข เมื่อเราพึ่งปรารถนาที่จะมีความสุข ความสุขของข้าพเจ้านั้นอาจจะหมายถึงความว่างเปล่าด้วย ความว่างเปล่าของผู้ที่เข้ามาประพฤิตปฏิบัติธรรม คือความว่างเปล่าที่มีความสุขทางใจ ที่ข้าพเจ้าสามารถ ละเลิก โกรธ หลง ถึงกระนั้นการที่ข้าพเจ้าประพฤติปฏิบัติธรรมมานั้น ข้าพเจ้าก็ไม่เคยอวดอุตลิ ว่าข้าพเจ้าเหาะเหินเดินอากาศได้ ข้าพเจ้าถือว่าข้าพเจ้าเป็นบุคคลธรรมดาทั่วๆไป ข้าพเจ้าก็ยังเป็นผู้ถือศีล คนเดินดินธรรมดาทั่วๆไป จะแตกต่างจากบุคคลอื่นๆ ตรงที่ข้าพเจ้าไม่ได้ใส่รองเท้า และไม่กินข้าวทุกวันพระ ถ้าวันธรรมดาปรกติทั่วไป ข้าพเจ้าจะกินข้าวเพียงมื้อเดียว แค่มื้อเช้าเท่านั้น ถามว่าข้าพเจ้าทำแบบนี้ข้าพเจ้าจะได้อะไร อย่างน้อยๆ ข้าพเจ้าก็ได้ชนะจิตใจของข้าพเจ้าเอง หรือสิ่งที่ข้าพเจ้าตั้งใจและถือสะจะเอาไว้ ข้าพเจ้าก็ได้ความสุขทางใจ และข้าพเจ้าก็จะประพฤติปฏิบัติตามนี้จนกว่าข้าพเจ้าจะหมดลมหายใจไปจากโลกนี้ ข้าพเจ้ามีนามว่า    " เทพนิลกาล "
               ข้าพเจ้าขอให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านบันทึกฉบับนี้ เป็นผู้ที่มากไปด้วยปัญญา มากไปด้วยความรู้ มากไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง และมากไปด้วยความสุขและความสวัสดี ทุกๆท่านเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Comment: